banner

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม 2nd Global Ministerial Conference on System Integration of Renewables

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิด (Opening Keynote Address) การประชุม 2nd Global Ministerial Conference on System Integration of Renewables ภายใต้งาน Singapore International Energy Week 2020 ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (The International Energy Agency, IEA) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอนโยบายของผู้นำด้านพลังงานในระดับโลกและเป็นเวทีสำหรับภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงภาควิชาการที่จะร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ด้านพลังงานในแต่ละภูมิภาค และสถานการณ์ด้านพลังงานปัจจุบันของโลกที่สำคัญ โดยมีแนวคิดสำหรับการจัดงานประชุมคือ “Creating our low carbon energy future together” ที่มุ่งเน้นการหารือกับทุกภาคส่วนในการสนับสนุนการใช้ระบบพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยประเทศสิงคโปร์ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านพลังงานในภูมิภาค โดยเฉพาะในการผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการผลักดันแผนความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบอาเซียน อาทิ การซื้อขายไฟฟ้าพหุภาคี รวมถึง แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมของอาเซียนให้เหมาะสมต่อการค้าการลงทุนด้านพลังงาน และการพัฒนาโครงการด้านพลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นอย่างเป้นรูปธรรมต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับเกียรติให้กล่าวปาฐกถาเปิดงานในประเด็นการให้ความสำคัญของพลังงานสะอาดในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดหาพลังงานที่มีความมั่นคง ราคาเข้าถึงได้และมีความยั่งยืน ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อตอบสนองยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานผ่านแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ รวมถึงนโยบาย “พลังงานเพื่อทุกคน” (Energy for All) ที่ส่งเสริมให้ภาคประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เองในภาคครัวเรือนโดยการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและชีวมวล รวมถึงการสนับสนุนแผนการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะระดับชาติ (National Smart Grid Program) ในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่นและเชื่อถือได้ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในระบบและสามารถบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้กล่าวแสดงความขอบคุณ IEA สำหรับการสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปีที่ผ่านมา โดยข้อเสนอแนะของ IEA จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (RE Integration to grid) โดยในช่วงท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังได้กล่าวยืนยันท่าทีของประเทศไทยที่มุ่งมั่นในการพัฒนาไปสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาดและพร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศสิงคโปร์และ IEA ในอนาคตต่อไป