วันนี้ (15 ส.ค. 59) พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการให้บริการสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (PTT EV Station) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ 6 ราย ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ
พลเอกอนันตพร เปิดเผยว่า “ความร่วมมือในการให้บริการ PTT EV Station ระหว่าง ปตท. และค่ายรถยนต์ชั้นนำทั้ง 6 ราย ในครั้งนี้ นับเป็นการตอบสนองนโยบายของกระทรวงพลังงานที่ได้วางกรอบแผนบูรณาการพลังงานแห่งชาติ ในเรื่องมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ 1,200,000 คัน ภายในปี 2579 เพื่อขับเคลื่อนให้แผนอนุรักษ์พลังงานสามารถลดการใช้พลังงานร้อยละ 30 ให้ได้ในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2553
โดยภาครัฐได้ให้การสนับสนุนในเชิงนโยบาย อาทิ สิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่นๆ ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับสิทธิ์การลดหย่อน หรือยกเว้นอากรขาเข้าในรุ่นรถยนต์ที่จะผลิต รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนสำคัญซึ่งยังไม่สามารถมีการผลิตในประเทศ เป็นต้น”
นายเทวินทร์ เปิดเผยว่า “ปตท. ในฐานะหน่วยงานของรัฐ มีความยินดีและพร้อมที่จะสนองนโยบายของรัฐในเรื่องดังกล่าว โดยได้เริ่มศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2555 เพื่อสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมรองรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน ปตท. มี PTT EV Station ที่มีเครื่องชาร์จไฟที่ได้มาตรฐานยุโรป (IEC) และมาตรฐานญี่ปุ่น (CHAdeMO) ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่, สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา, สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาแหลมฉบังขาออก จ.ชลบุรี และ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขา The Crystal PTT ถ.ชัยพฤกษ์ โดยมีแผนที่จะขยายเพิ่ม 2 สถานีภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 20 สถานี ภายในปี 2560
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันพัฒนาและทดลองระบบการใช้งาน PTT EV Station พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดย ปตท. จะเป็นผู้ก่อสร้างสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามแผนธุรกิจของ ปตท. และ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 6 ราย จะเป็นผู้ศึกษาและพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามแผนธุรกิจของแต่ละบริษัทต่อไป ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และความมั่นใจสู่สาธารณะในการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ต่อไป”
นับเป็นอีกความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ให้รองรับการปรับเปลี่ยนสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพน้ำมันและสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวกสบายและสร้างความมั่นใจในแบรนด์”ปตท. พลังที่ยั่งยืน” ตลอดไป