หน้าร้อนปีนี้ มาพร้อมกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดขึ้นกว่าทุกปี ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการพยากรณ์สภาพอากาศในเดือนเมษายนนี้ว่า ในบางพื้นที่ของประเทศไทย จะมีอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 40-44 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และกระทรวงพลังงานยังได้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของประเทศจะพุ่งไปอยู่ที่ 29,018 เมกะวัตต์ ทำลายสถิติพีคของปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 27,345.8 เมกะวัตต์ ลงอย่างราบคาบ
อากาศร้อนทีไร ทำไมถึง “พีค” !!! ??
หลายคนคงสงสัยว่า “อากาศร้อน” และ “พีค” เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ที่สำคัญ อากาศร้อนทีไร ทำไมต้องเกิดพีคแทบทุกครั้ง ??? ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจาก วิธียอดนิยมในการคลายร้อนของคนยุคปัจจุบันก็คือ การเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ ยิ่งร้อนขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งลดอุณหภูมิแอร์ให้ต่ำลง และถ้าเปิดแอร์กันทุกบ้าน ทุกอาคารสำนักงาน สิ่งที่ตามมาก็คือ ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงเวลา 14.00 – 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของวันและเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดพีคมากที่สุด
ซึ่งนอกจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละวันแล้ว ยังมีบิลค่าไฟฟ้าของแต่ละบ้านที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าอีกด้วย
ทำไมถึงต้องลด “พีค” ?
เมื่อเรามีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เราก็ต้องผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของประเทศ และยังต้องผลิตให้สูงเพียงพอที่จะรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้ ซึ่งหากเกิด “พีค” ขึ้นจนไฟฟ้าที่ผลิตได้ไม่เพียงพอ ก็จะเกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงในระบบไฟฟ้า และเกิดเหตุการณ์ไฟตก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้
เราจะช่วยลด “พีค” และ “ประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้าน” ได้อย่างไร
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด “พีค” และลดความเสี่ยงต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ รวมถึงช่วยประชาชนประหยัดค่าไฟฟ้าภายในบ้าน กระทรวงพลังงานจึงได้เชิญชวนให้ประชาชน รวมถึงภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ร่วมกันประหยัดไฟฟ้า ด้วยวิธีง่ายๆ 4 วิธี ได้แก่ การ “ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน”
• ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น และปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้
• ปรับแอร์เพิ่ม 1 องศา หรือปรับไปที่ Fan Mode
• ปลดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน
• เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง อาทิ เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ซึ่งประหยัดกว่าหลอดไฟธรรมดา 85% และเปลี่ยนมาใช้แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่ช่วยรักษาอุณหภูมิในห้องให้คงที่และเย็นทันใจ ซึ่งจะช่วยประหยัดไฟได้ถึง 30%
“ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน” 4 วิธีประหยัดพลังงานง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ และแค่ปฏิบัติตามในช่วงเวลา 14.00 – 15.00 น. เพียงวันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม – 30 พฤษภาคม 2559 ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศ และลด “พีค” ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อนนี้แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้านของท่านอีกด้วย