ประชุมชี้แจงตัวชี้วัดด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พลังงานระดับจังหวัดปี 2565

  1. link เข้าร่วมการประชุม (Zoom meeting) คลิกที่นี่
  2. Meeting ID: 808 036 8876
    Passcode: 325311
  3. เอกสารประกอบการประชุม คลิกที่นี่
  4. แบบฟอร์มรายละเอียดแผนงาน คลิกที่นี่

กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคา LPG อย่างใกล้ชิดยันการปรับขึ้นราคาจะคำนึงถึงบริบทแวดล้อมด้านค่าครองชีพ

กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคา LPG อย่างใกล้ชิดยันการปรับขึ้นราคาจะคำนึงถึงบริบทแวดล้อมด้านค่าครองชีพ และปรับขึ้นราคาเป็นทางเลือกสุดท้าย
      กระทรวงพลังงานมอบหมายให้หน่วยงานติดตามสถานการณ์ราคา LPG อย่างใกล้หลังราคาตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางมาตรการช่วยเหลือให้เป็นไปตามสถานการณ์โดยจะยังคงมาตรการอุดหนุนไปจนถึง 31 มีนาคม 65 ยืนยัน การปรับราคาขึ้นแบบบันไดจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในกรณีที่ราคายังคงสูงขึ้นไม่หยุด
      วันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2565) นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการที่ราคาก๊าซหุงต้มหรือ LPG ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กระทรวงพลังงานก็ได้ใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยเหลือโดยการอุดหนุนราคาขายให้อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (ไม่รวมค่าขนส่งและค่าบริการของแต่ละร้านค้า) โดยเริ่มอุดหนุนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อต้นทุนร้านอาหารและค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งหากไม่มีการช่วยเหลือ ณ ปัจจุบัน ราคาขายที่แท้จริงจะสูงถึง 434 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ทั้งนี้ โครงสร้างราคา LPG ของไทยจะอ้างอิงตามการปรับขึ้นลงตามราคาตลาดโลกในส่วนของราคา
ณ โรงกลั่น โดยกำหนดให้เปลี่ยนแปลงทุก 2 สัปดาห์ เพื่อลดความผันผวน โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
     “ด้วยสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปอุดหนุนราคาเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนอยู่ในภาวะติดลบค่อนข้างมาก ทำให้มีแนวโน้มว่าต้องมีการปรับขึ้นราคา แต่อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงพลังงานก็ได้ชี้แจงในการแถลงข่าวเมื่อวานแล้วว่า ก่อนถึงช่วงเวลาดังกล่าว กระทรวงพลังงานจะต้องพิจารณาถึงบริบทแวดล้อมด้านค่าครองชีพในขณะนั้น หากมีสถานการณ์ที่ภาพรวมราคาสินค้าและบริการในช่วงดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ก็จะมีการพิจารณาความเหมาะสมต่อไป อย่างเช่นสถานการณ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กบง. ก็ได้มีมติขยายการตรึงราคาที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (ไม่รวมค่าขนส่ง) ซึ่งเดิมสิ้น 31 มกราคม 2565 ก็ได้ขยายถึง 31 มีนาคม 2565 รวมทั้งได้ขอความอนุเคราะห์ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร โดยให้ส่วนลดค่าก๊าซ LPG ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปจนถึง 31 มีนาคม 2565 เช่นกัน” โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าว

รองปลัดกระทรวงพลังงาน รับหนังสือจากประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานลดราคาน้ำมันดีเซล

กระทรวงพลังงานเข้าใจความเดือดร้อนทุกฝ่าย ใช้มาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง วอนเข้าใจสถานการณ์ราคาตลาดโลก
กระทรวงพลังงานเข้าใจความเดือดร้อนของกลุ่มผู้ใช้รถบรรทุก คนขับแท๊กซี่ และประชาชนผู้ใช้รถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้ำ ตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการอุดหนุนราคาน้ำมันมาโดยตลอด โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจนปัจจุบันติดลบกว่า 3 หมื่นล้านบาทแล้ว วอนขอให้เข้าใจสถานการณ์ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะใช้ทุกมาตรการที่มีช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด
วันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2565) นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้รับหนังสือจากนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานลดราคาน้ำมันดีเซลให้เหลือลิตรละ 25 บาทเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการขนส่ง โดยทางสหพันธ์ฯ ขอให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิต ลดค่าการตลาด และหยุดผสมไบโอดีเซลในน้ำม้นดีเซลชั่วคราวเนื่องจากราคาไบโอดีเซลมีราคาสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลมีราคาสูงตามไปด้วย
​ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานขอชี้แจงว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดจากเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด ทำให้ในหลายๆ ประเทศ มีการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจาก supply มีไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น เกิดความตึงเครียดทางการเมืองในหลายพื้นที่ในโลกที่หนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นอีก รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา และอีกสาเหตุสำคัญคือ ประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบกว่า 80-90 % ของความต้องการ ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในไทยจึงขึ้นลงสอดคลัองกับราคาตลาดโลก
​ “ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ ประเทศไทยเจอหลายสถานการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน จึงทำให้การแก้ไขสถานการณ์เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน ก็ได้ดำเนินหลายมาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งลดค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กระทรวงพลังงาน ก็ได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร มีการขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันให้ลดค่าการตลาด มีการปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน
มีการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมัน B7 B10 และ B20 ให้เหลือขั้นต่ำร้อยละ 5 โดยปริมาตร หรือเหลือน้ำมันดีเซลเกรดเดียวคือ B5 และก็ยังได้เตรียมมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวสำหรับการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่กระทรวงพลังงานก็ขอยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง และจะยังคงเตรียมหามาตรการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด”รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว

ปลัดกระทรวงพลังงานและผู้บริหารระดับสูง แถลงข่าวชี้แจงสถานการณ์พลังงาน

กระทรวงพลังงานจับตาสถานการณ์พลังงานโลก
เตรียมพร้อมทุกมาตรการลดผลกระทบ และสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์พลังงานอย่างใกล้ชิด
หลังราคาพลังงานโลกทุกชนิดปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นต่อไปอีก พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมมาตรการเพื่อลดผลกระทบด้านราคาแก่ประชาชน รวมทั้งการวางแผนรับมือจัดหาเชื้อเพลิงในช่วงเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานแหล่งก๊าซธรรมชาติช่วงเดือนเมษายนนี้ให้ดีที่สุด มั่นใจว่าจะก้าวผ่านสถานการณ์นี้ได้
วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2565) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ประกอบด้วย นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และนายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษก กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมกันแถลงสถานการณ์พลังงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เพื่อเตรียมแผนรับมือ และกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่างๆให้ดีที่สุด
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เผยว่า “ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะด้านราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ใช้มาตรการต่างๆอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน และในปีนี้มีสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของแหล่ง ก๊าซธรรมชาติ แปลง G1/61 หรือแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนนี้ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานภายใต้ กบง. ติดตามและกำกับการดำเนินการ โดยยึดหลักการรักษาความมั่นคงในการจัดหาและคำนึงถึงผลกระทบค่าไฟฟ้าที่จะมีต่อประชาชนให้น้อยที่สุด คณะอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เร่งจัดหาเชื้อเพลิงและบริหารจัดการตามแผนที่กำหนด โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการแต่ละมาตรการให้เป็นไปตาม Merit Order รวมถึงพิจารณาแผนการนำเข้า LNG และการจัดสรรตาม ความเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าไฟฟ้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับอย่างแน่นอน”
ด้านนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน เผยว่า “ราคาน้ำมันโลก ได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้งการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นหลังจากโควิดคลี่คลาย และปริมาณการผลิตที่ยังคงออกสู่ตลาดอย่างจำกัด มีการคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ Omicron จะคลี่คลายในครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยรายงานฉบับเดือน ม.ค. 65 ของ OPEC คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2564 เพิ่มขึ้น 5.65 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 96.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี 2565 เพิ่มขึ้น 4.16 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 100.79 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขความต้องการที่สูงขึ้นมาก และมีผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
ส่วนมาตรการปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ปรับเป็น B5 ที่มีผลมาตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาไปจนถึง 31 มีนาคม 2565 นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยว่า “กรมธุรกิจพลังงานในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาสัดส่วนการผสม ไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ เสนอ กบง. พิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทางการปรับสูตรการผสมเชื้อเพลิงชีวภาพในน้ำมันเชื้อเพลิงในภาวะปกติ เป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น (พ.ศ. 2565 ถึง 2566) ได้กำหนดให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 สำหรับใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ และระยะยาว (พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป) ได้กำหนดเหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 7 เพียงเกรดเดียว
ซึ่งมาตรการดังกล่าวกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านราคาโดยคำนึงถึงทุกฝ่าย ไม่ว่าจะทั้งผู้ใช้รถยนต์ดีเซลและเกษตรกรชวนสวนปาล์ม นอกจากนั้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลาในการบริหารจัดการและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงในรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ซึ่งจะกระทบกับการใช้น้ำมัน คณะอนุกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ภายใต้คณะกรรมการปาล์มน้ำมัน ได้เริ่มส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบ เช่น ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ ผงซักฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม น้ำมันหล่อลื่นและจาระบีชีวภาพ รวมทั้งกรีนดีเซล และ BioJet ที่จะสามารถรองรับปริมาณน้ำมันปาล์มได้ในอนาคต
ด้านนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของแปลง G1/61 หรือแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตว่า “กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ประสานการเจรจาระหว่างบริษัทผู้รับสัมปทานรายเดิม (บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด) และผู้รับสัญญารายใหม่ (บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดี) ซึ่งที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัท ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือต่างๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในแปลง G1/61 เดินหน้าต่อไป โดยหลังจากนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะได้เร่งผลักดันให้บริษัท ปตท.สผ. อีดี วางแผนบริหารจัดการ และเตรียมการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และได้ปริมาณตามเงื่อนไขในการประมูลโดยเร็วที่สุด ซึ่งมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานในช่วงเดือนเมษายนนี้ กรมฯ จะสามารถบริหารจัดการเชื้อเพลิงด้วยการประสานกับผู้รับสัมปทานรายอื่น ๆ ให้เตรียมความพร้อมให้
ผลิตก๊าซธรรมชาติได้เต็มความสามารถตามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ มาทดแทน
สำหรับแผนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนในปี 2565 นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดี
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เผยว่า “การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในระยะต่อไป กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมมือกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดปริมาณ และ Zoning ให้สอดคล้องกับศักยภาพ เป้าหมาย และนโยบายการจัดสรรพื้นที่ทางการเกษตร โดยกำหนดพื้นที่เหมาะสมเพื่อปลูกพืชพลังงาน และกำหนดพื้นที่ที่มีความต้องการไฟฟ้า(ไฟตก/ไฟดับ/เสริมความมั่นคง) เพื่อลดการสูญเสียในระบบส่ง และไม่เป็นภาระกับระบบโครงข่ายพลังงาน และ ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการเพิ่มมูลค่าพืชพลังงาน โดยจะหาแนวทางการนำผลผลิตของการปลูกพืชพลังงานไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนแผนการดำเนินงานโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ในเฟสที่สอง 400 เมกะวัตต์ ในปี 2565 ดังนี้ (1) วิเคราะห์ประเมินผลโครงการนำร่อง (2) วิเคราะห์ความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการขยายผลในระยะที่ 2 (3) กำหนดรูปแบบเป้าหมายการดำเนินโครงการ ได้แก่ กำหนดพื้นที่ จัดหาเทคโนโลยี ส่งเสริมการแปรรูปจัดเตรียมเชื้อเพลิง การสร้างรายได้จากการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ประเมินต้นทุน กำหนดราคารับซื้อเชื้อเพลิง (4) กำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าและโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสม”
“แม้ว่าสถานการณ์ด้านราคาพลังงานจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย ผมขอเน้นย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ไม่ได้มีแหล่งน้ำมันมากมายตามมี
ปรากฎหรือมีการส่งต่อในสื่อโซเชียล ซึ่งการที่ประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้การขึ้นลงของราคา
จะเป็นไปตามราคาตลาดโลกจริงๆ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกสัปดาห์
เพื่อเตรียมมาตรการต่างๆ มารองรับและบรรเทาผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้อาศัยกลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชยราคาน้ำมันดีเซล เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนทุกภาคส่วนเนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็น
องค์ประกอบหนึ่งในต้นทุนสินค้าและบริการ ส่วนประเด็นเรื่องการจัดหาก๊าซธรรมชาติและการนำเข้า LNG เพื่อนำมาทดแทนก๊าซธรรมชาติที่หายไปในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทาน กระทรวงพลังงานให้ได้ความสำคัญในการจัดลำดับหรือ Merit order ในการเลือกใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า LNG Spot การใช้น้ำมันทดแทน การรับซื้อไฟฟ้า หรือการเลื่อนแผนปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อให้เชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิต
ไฟฟ้ามีราคาที่ต่ำที่สุด เพื่อดูแลค่า Ft ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ดี ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นวิกฤตพลังงานของโลก ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะส่งผลต่อราคาน้ำมันขายปลีก 20 สตางค์ต่อลิตร ขอให้ทุกภาคส่วนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ” ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวในท้ายที่สุด

กระทรวงพลังงานขยายเวลาการเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเป็นกรรมการภาคประชาสังคมของกระทรวงพลังงาน (ฉบับที่ 3)

 

กระทรวงพลังงานขยายเวลาการเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเป็นกรรมการภาคประชาสังคมของกระทรวงพลังงาน (ฉบับที่ 3) จนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2565

คุณสมบัติ

  1. มีสัญชาติไทย
  2. มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปีบริบูรณ์
  3. ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
  4. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
  5. ไม่เคยเป็นผู้ต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดทางอาญา หรือเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาในชั้นศาลนับแต่ศาลประทับรับฟ้อง เว้นแต่เป็นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  6. ไม่เป็นผู้ถูกสั่งพักงานหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือพักงาน เลิกจ้าง ไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหรือออกจากงาน ในหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
  7. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมืองที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อและรับรองจากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีส่วนได้ส่วนเสียด้านพลังงาน ใน 4 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่มผู้ใช้/ผู้บริโภคพลังงาน
  2. ผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายพลังงาน
  3. ภาควิชาการ
  4. กรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการด้านพลังงาน

อำนาจหน้าที่

  1. ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อการดำเนินการของคณะกรรมการแต่ละชุดของกระทรวงพลังงาน ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายและรับทราบปัญหา พร้อมให้ข้อเสนอแนะ
  2. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมาย

วาระและแนวทางการทำงานของคณะกรรมการภาคประชาสังคม ของกระทรวงพลังงาน

  1. คณะกรรมการภาคประชาสังคม ของกระทรวงพลังงาน มีอายุไม่เกิน 3 ปี
  2. การให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสามารถให้ดำเนินการเป็นรายบุคคล กลุ่มบุคคล หรือคณะกรรมการฯ โดยจะต้องจัดทำเป็นเอกสารส่งให้เลขานุการคณะกรรมการภาคประชาสังคม ของกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อไป

เอกสารที่ใช้ประกอบ

  1. รูปถ่ายหน้าตรง 2 นิ้ว ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ จำนวน 3 รูป ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ส่งใบสมัคร
  2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน
  3. สำเนาหลักฐานแสดงวุฒิการศึกษาตามที่ปรากฏในแบบประวัติบุคคลฯ
  4. เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล และผลงานเชิงประจักษ์ในด้านพลังงานที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ชั้น 23 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร  10900 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2140 6302

 

ดาวน์โหลดประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง ขยายเวลาการเสนอชื่อบุคคลฯ (ฉบับที่ 3) คลิกที่นี่

ดาวน์โหลดใบสมัคร  คลิกที่นี่

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับพระราชทานบัตรอำนวยพรพร้อมสมุดบันทึกประจำวัน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2565

เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับพระราชทานบัตรอำนวยพรพร้อมสมุดบันทึกประจำวัน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2565 ของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน

 

 

 

 

พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 ได้มีการประชุมหารือทวิภาคีระหว่างนายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายฮากิอูดะ โคอิจิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับข้อริเริ่มการเป็นหุ้นส่วนการร่วมสร้างสรรค์ (co-creation) เพื่อนำไปสู่การลงทุนในอนาคต โดยได้มีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดที่อยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์เป็นจริง (Realistic Energy Transition) ไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

รัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายยังได้เล็งเห็นความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพื่อผลักดันเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050 โดยมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการประสานความร่วมมือด้านพลังงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยกำหนดทิศทางและกรอบการดำเนินความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศในมิติต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ประกาศสนับสนุนประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานผ่านข้อริเริ่ม “Asia Energy Transition Initiative” หรือ AETI และรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะดำเนินความร่วมมือเพื่อนโยบายส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำต่อไป

การประชุมคณะกรรมการประเมินผลการควบคุมภายในของ พน. ครั้งที่ 1/2565

ระเบียบวาระการประชุมฯ   คลิกที่นี่

รายงานการประชุมคณะกรรมการประเมินผลการควบคุมภายในของ พน. ปีงบประมาณ 2564   คลิกที่นี่

รายงานการติดตามการประเมินผลการควบคุมภายใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564  (แบบติดตาม ปค. 5)  คลิกที่นี่

การประเมินผลการควบคุมภายใน (แบบ ปค. 2)  คลิกที่นี่

รายงานผลการประเมินองค์ประกอบของการควบคุมภายใน (สิ้นสุด 30 ก.ย. 64)  (แบบ ปค. 4)  คลิกที่นี่

รายงานการประเมินผลการควบคุมภายใน (สิ้นสุด 30 ก.ย. 64)  (แบบ ปค. 5)  คลิกที่นี่

 

ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และร่วมลงนามถวาย พระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2565

วันนี้ (1 ม.ค. 65) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และร่วมลงนามถวาย พระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2565 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวัง

การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ครั้งที่ 5-6/2565

 

  1. link การเข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 7 Meeting ID: 932 9608 1659 Passcode:
    คลิกที่นี่
  2. ระเบียบวาระการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 7/2565 คลิกที่นี่
  3. ร่างสรุปรายงานการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 6/2565 คลิกที่นี่
  4. ร่างสรุปรายงานการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 5/2565 คลิกที่นี่

“กระทรวงพลังงาน” มอบของขวัญปีใหม่ ส่งสุขทั่วไทยจากใจพลังงาน ชูตรึงราคาน้ำมัน LPG NGV แจกคูปองส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์5 ส่วนลดที่พักและสินค้าชุมชน

“กระทรวงพลังงาน” มอบของขวัญปีใหม่ ส่งสุขทั่วไทยจากใจพลังงาน ชูตรึงราคาน้ำมัน LPG NGV แจกคูปองส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์5 ส่วนลดที่พักและสินค้าชุมชน
กระทรวงพลังงาน เดินหน้าตรึงราคาพลังงานเป็นของขวัญปีใหม่ “2565” ส่งสุขทั่วไทยจากใจพลังงาน เอาใจคนเดินทางกลับบ้าน ท่องเที่ยว ช่วงปีใหม่ ตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดตลอด 11 วัน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ขยายส่วนลด LPG 100 บาทต่อคนต่อเดือน ตรึงราคา LPG อยู่ที่ 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาท/กก. พร้อมแจกคูปองส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์5 มูลค่า 500 บาท และส่วนลด 50% ที่พักและสินค้าชุมชน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกกระทรวงมอบของขวัญปีใหม่ประจำปี 2565 ให้กับประชาชน ทางกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในสังกัด ได้จัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ที่ได้นำเสนอ ครม.เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ที่มุ่งเน้นเรื่องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน สนับสนุนกิจกรรมในการสร้างความสุขให้คนไทย โดย กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในการกำกับดูแลได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนทุกคนใช้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการ ตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดตลอด 11 วัน ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2564 – วันที่ 4 มกราคม 2565 (เฉพาะสถานีบริการของ PTT Station) ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ขยายส่วนลด LPG จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือนจนถึง 31 มกราคม 2565 ตรึงราคา LPG อยู่ที่ 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม จนถึง 31 มกราคม 2565 ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาท/กก.จนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 นอกจากนี้ ยังแจกคูปองส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์5 มูลค่า 500 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ และส่วนลด 50% สำหรับเลือกซื้อสินค้าชุมชน และที่พักบนเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
“และเนื่องในโอกาสปีใหม่นี้ ในฐานะตัวแทนของกระทรวงพลังงาน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดคุ้มครองให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนประสบแต่ความสุข มีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรง ขอให้เดินทางทั้งท่องเที่ยวหรือการเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย และที่สำคัญขอให้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้วยความระมัดระวังและเคร่งครัดต่อมาตรการในสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงน่าเป็นห่วงจากสายพันธุ์โอมิครอนในขณะนี้ เพราะการร่วมมือกันในสถานการณ์ที่ยากลำบากใน 2ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่าความร่วมมือสามัคคีที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จะทำให้พวกเราทุกคนก้าวผ่านทุกสถานการณ์ไปได้ด้วยกันครับ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หารือกับ Mr. Daleep Singh ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ได้มีการเข้าพบหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ กับ Mr. Daleep Singh , United States Deputy National Security Advisor for International Economics ซึ่งดำรงตำแหน่งรองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในประเทศไทย

โดย Mr. Daleep Singh ได้หารือนโยบายความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาตามแนวนโยบาย Build Back Better ของสหรัฐฯ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ได้หารือร่วมกันกับประเทศกลุ่มสมาชิก G7 และมีข้อเสนอร่วมกันว่า กลุ่ม G7 ควรมีการแบ่งปันความช่วยเหลือและทรัพยากรต่างๆ ให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านการเงินและการลงทุนในโครงการพัฒนาต่างๆ ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ การพัฒนาทรัพยากรแร่เพื่อการผลิตสินค้าและบริการ การพัฒนาภาคการเกษตรและการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งสหรัฐฯ มีความยินดีที่จะหารือในรายละเอียดร่วมกับฝ่ายไทยเพื่อแสวงหาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไป

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวคิดการพัฒนาตลาดการค้าการลงทุนและการพัฒนาภาคพลังงานเพื่อให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด19 ได้อย่างยั่งยืน โดยฝ่ายไทยยินดีที่จะมีความร่วมมือกับนักลงทุนต่างชาติในการพัฒนาในหลายด้าน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาภาครัฐของไทยได้มีการร่วมมือกับนานาประเทศในการพัฒนาโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ เส้นทางขนส่ง รถไฟฟ้า และมีแผนที่จะพัฒนาความเชื่อมโยงเหล่านี้ให้เติบโตขึ้นไปในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี การพัฒนาพลังงานสะอาด การส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve รวมถึง การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมธุรกิจที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า ภาครัฐของทั้งสองประเทศจะเป็นด่านหน้าในการแสวงหาโครงการความร่วมมือร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเกิดความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสในการค้าการลงทุนร่วมกันต่อไปในอนาคต โดยฝ่ายไทยยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับฝ่ายสหรัฐฯ และจะมีการหารือในรายละเอียดอย่างใกล้ชิดในโอกาสอันใกล้ต่อไป

ประชุมแนวทางการนำเข้าข้อมูลและรายงานผลในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)

  1. ร่างรายงานการประชุม เรื่อง ประชุมแนวทางการนำเข้าข้อมูลและรายงานผลในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) คลิกที่นี่

กระทรวงพลังงาน เข้าร่วมในพิธีทำบุญตักบาตรและพิธีวางพานพุ่ม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันนี้ (5 ธ.ค. 64) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมในพิธีทำบุญตักบาตรและพิธีวางพานพุ่ม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564 ณ ท้องสนามหลวง

ข้อมูลทรัพยากรด้านเชื้อเพลิงและพลังงานตามแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ

  1. ข้อมูลโรงไฟฟ้า และเขื่อนผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  คลิกที่นี่
  2. ข้อมูลคลังแก๊ส คลิกที่นี่
  3. ข้อมูลคลังนํ้ามัน คลิกที่นี่
  4. ข้อมูลสถานีบริการนำ้มันเชื้อเพลิง คลิกที่นี่
  5. รายชื่อผู้แปรรูปไม้ที่ พพ. สนับสนุน คลิกที่นี่

กระทรวงพลังงาน ปรับสูตรน้ำมันดีเซลชนิดเดียว นาน 4 เดือน

1 ธ.ค. 64 “พลังงาน” ปรับสูตรน้ำมันดีเซลชนิดเดียว นาน 4 เดือน

กระทรวงพลังงาน เดินหน้าออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนลดผลกระทบช่วงราคาน้ำมันผันผวน ปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลเป็นร้อยละ 7 เป็นระยะเวลา 4 เดือน เริ่ม 1 ธ.ค. นี้เป็นต้นไป ชี้ จะทำให้ราคาช่วงนี้ลดลงเหลือประมาณ 28 บาทต่อลิตร ย้ำ ยังคงมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร พร้อมจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หากยังมีการปรับตัวสูงขึ้นพร้อมเตรียมแผนรองรับทันที
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ล่าสุดแม้แนวโน้มราคาเริ่มปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีความผันผวนและทรงตัวในระดับสูง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ปรับลดสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ B20 B10 และ B7 ให้มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 7 เป็นระยะเวลา 4 เดือน (ส่วนดีเซลพรีเมียมยังคงมีจำหน่ายเช่นเดิม) โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 64 เป็นต้นไป ซึ่งในการปรับลดสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลสามารถปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 28 บาทต่อลิตร
“ขอย้ำเรื่องการเติมน้ำมันดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ประชาชนสามารถใช้บริการที่ตู้หัวจ่ายได้ทั้งดีเซล B7 ดีเซลธรรมดา หรือ B10 และดีเซล B20 ซึ่งกระทรวงพลังงาน ได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ราคาอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวม และพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าอย่าง ไม่สะดุด ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเติมน้ำมันดีเซลที่สถานีบริการสามารถสอบถามได้ที่ กรมธุรกิจพลังงาน โทร 08 6609 8154” นายสมภพ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 64 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารของกระทรวงพลังงาน ได้ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างทั้งสองประเทศ

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวแสดงความยินดีกับการเข้ามารับตำแหน่งใหม่ของเอกอัครราชทูตจีน และการครบรอบ 72 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงการครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และขอบคุณประเทศจีนที่ส่งมอบวัคซีนและเวชภัณฑ์ป้องกันและรักษาโรคระบาด Covid-19 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถต่อสู้กับโรคระบาดในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเอกอัครราชทูตจีนได้แสดงความขอบคุณและยินดีกับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างสองประเทศที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนาน

ในประเด็นความร่วมมือด้านพลังงานทวิภาคี ทั้งสองประเทศมีทิศทางและนโยบายด้านพลังงานที่สอดคล้องกัน ที่จะมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน การบริหารจัดการพลังงาน รวมถึง ความร่วมมือและความเชื่อมโยงทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ของทั้งสองประเทศร่วมกัน

ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวจีนเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ/อุตสาหกรรมพลังงานในประเทศไทยในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยี   ยานยนต์ไฟฟ้า การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานและการขนส่งเพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาด้านพลังงานระหว่างไทยและจีนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนร่วมกันในภูมิภาค ซึ่งมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางของสาธารณรัฐประชาชนจีน (Belt and Road Initiative: BRI) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันอีกด้วย

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่กระบี่ ตรวจติดตามโครงการงบกองทุนอนุรักษ์พลังงาน“เกาะฮั่ง-บ้านไหนหนัง”

วันนี้ (15 พ.ย.64) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน และสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรวจติดตามความสำเร็จ 2 โครงการด้านพลังงาน คือ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนเกาะฮั่ง และโครงการเพิ่มสมรรถนะการบริหารจัดการและจัดการพลังงานชุมชนครบวงจร วิสาหกิจชุมชนบ้านไหนหนัง ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้ชุมชนเศรษฐกิจฐานราก

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ครั้งนี้ มีภารกิจตรวจราชการก่อนการเข้าร่วมประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดกระบี่ คือติดตามการดำเนินโครงการด้านพลังงาน 2 โครงการ คือ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับที่พักอาศัย ณ เกาะฮั่ง ตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณกว่า 9 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2564 เพื่อติดตั้งระบบ Solar home ขนาด 600 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ ให้กับชาวบ้านจำนวน 161 ครัวเรือน ที่ประสบปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมั่นใจว่าหลังการดำเนินการโครงการแล้วเสร็จประชาชนในพื้นที่โครงการจะมีพลังงานเพียงพอในการดำเนินชีวิตประจำวัน สร้างประโยชน์ด้านการศึกษาของเยาวชน การประกอบอาชีพและการต่อยอดในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างงาน สร้างรายได้นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

ส่วนอีกโครงการคือโครงการเพิ่มสมรรถนะการบริหารจัดการและจัดการพลังงานชุมชนครบวงจรในวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์บ้านไหนหนัง ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม จากงบแผ่นดินปี 2562 วงเงินประมาณ 100,000 บาท จากการใช้เทคโนโลยี โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ อาทิ ปลาแดดเดียว กะปิ ปลาเค็ม และชาใบขลู่ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการแปรรูปผลิตภัณฑ์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์สามารถออกสู่ตลาดได้ในวงกว้าง เช่น ปลาทูสด จากเดิมจำหน่ายได้เพียงกิโลกรัมละ 20 บาท แต่หลังจากนำมาแปรรูปเป็นปลาแดดเดียวสามารถจำหน่ายได้ในราคา 130-150 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันทางกลุ่มมีรายได้จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์นี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 12,000-13,000 บาท/เดือน

“นโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนพลังงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก กระทรวงพลังงาน จึงได้ขับเคลื่อนภาคพลังงานให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าว ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานต่างๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปและการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มรายได้ของชุมชน โดยทั้ง 2 โครงการ ถือเป็นการขับเคลื่อนที่คู่ขนานกัน ทั้งการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การเพิ่มศักยภาพทางด้านอาชีพ และยกระดับรายได้ครัวเรือนของคนในชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมด้านพลังงานทดแทนให้เข้าถึงชุมชนในพื้นที่เกาะฮั่งด้วยการมีไฟฟ้าใช้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนได้เป็นอย่างดีช่วยให้ชุมชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและมีความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมากขึ้น ขณะเดียวกันการพัฒนาดังกล่าวก็ยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมของชุมชนด้วยเช่นกัน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว

แบบฟอร์มรายงานการจัดทำข้อตกลงระดับการให้บริการ (Service level Agreement : SLA)

1.ตัวอย่างข้อตกลงการให้บริการ  คลิกที่นี่

2.แบบฟอร์มรายงานการจัดทำข้อตกลงระดับการให้บริการ (Service level Agreement : SLA)

2.1 แบบฟอร์ม 1  ข้อตกลงการให้บริการ  คลิกที่นี่

2.2 แบบฟอร์ม 2 สรุปรายการงานบริการ   คลิกที่นี่

 

การประชุมแนวทางการดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครั้งที่ 3/2564

  1. สรุปรายงานการประชุมแนวทางการดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครั้งที่ 3/2564 คลิกที่นี่

ประชุมแนวทางการนำเข้าข้อมูลและรายงานผลในระบบติดตามและประเมินผล (eMENSCR)

  1. link การประชุม คลิกที่นี่
  2. เอกสารแนบ 1 คลิกที่นี่
  3. เอกสารแนบ 2 คลิกที่นี่
  4. เอกสารแนบ 3 คลิกที่นี่
  5. เอกสารประกอบการประชุม คลิกที่นี่
  6. แบบตอบรับเข้าร่วมประชุม คลิกที่นี่

มติ กบน. เคาะกู้เงินเตรียมเสริมสภาพคล่องเงินกองทุนฯ ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท ลดผลกระทบประชาชน

     ที่ประชุม กบน. เห็นชอบ ร่างหลักเกณฑ์กู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เดินหน้าตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เตรียมพร้อมนำเสนอ ครม. เห็นชอบ พร้อมแจง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เคยนำส่งเงินเข้ารัฐ กว่า 2 หมื่นล้านบาทตามที่เป็นข่าว ยืนยันการใช้เงินกองทุนฯ ที่ผ่านมาเป็นไปตามวัตถุประสงค์และข้อกฎหมาย นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเนื้อหาและสาระสำคัญร่างหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินตามที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเสนอ เพื่อเตรียมพร้อมสภาพคล่องในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปจัดทำหลักเกณฑ์การกู้เงินตามกรอบของ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำเสนอร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
     นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงพลังงาน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าที่ผ่านมาได้มีการโอนเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไปเป็นรายได้ให้กับรัฐบาลกว่า 20,000 ล้านบาทนั้น ได้ตรวจสอบกับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตั้งแต่ตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมายังไม่เคยนำเงินกองทุนฯ เข้านำส่งเป็นรายได้กระทรวงการคลัง พร้อมยืนยันว่าการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเป็นไปตามกฎหมายและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯอย่างเคร่งครัด โดยในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการดำเนินงานให้อยู่ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารกองทุนฯ ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดเท่านั้น
     “ การเตรียมกู้เงินในครั้งนี้ ก็เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทเนื่องจากน้ำมันดีเซล เป็นพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจหากปล่อยให้มีราคาสูงเกินไปจะกระทบต่อผู้ประกอบการ ค่าขนส่ง ค่าสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะควบคุมการใช้เงินกู้อย่างเข้มงวด และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ส่วนที่มีข่าวการโอนเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่งเป็นรายได้ให้รัฐบาลนั้น สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขอยืนยันว่า ไม่มีการโอนเงินตามที่มีการนำเสนอข่าวแต่อย่างใด โดยการใช้เงินกองทุนฯ ที่ผ่านมาเป็นไปตามข้อกฎหมายและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ และเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน บรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน อย่างเช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตรในขณะนี้ และการอุดหนุนราคาก๊าซ LPG ครัวเรือนตลอดทั้งปี 2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19” โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าว

กระทรวงพลังงาน ร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 ณ วัดเขาแก้ววรวิหาร จ.สระบุรี

วันนี้ (31 ตุลาคม 2564) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2564 พร้อมกันนี้ ยังได้มอบทุนการศึกษา และเงินบำรุงโรงเรียนให้กับ 4 สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้แก่ โรงเรียนวัดต้นตาล โรงเรียนวัดพระยาทด โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดเขาแก้ว โรงเรียนเสาไห้ “วิมลวิทยานุกูล” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ณ วัดเขาแก้ววรวิหาร ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

กระทรวงพลังงาน จับมือ กฟผ. และ ปตท. มอบถุงยังชีพ 2,000 ชุด บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วมพื้นที่จังหวัดนนทบุรี-ปทุมธานี

วันนี้ (28 ต.ค.64 ) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นางสาวนพวรรณ กาญจนะวรรณ รองผู้ว่าการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายวิภู พิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้บริหารจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นายทรงพล พึ่งผัน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ภาค 3 ลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด  บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเบื้องต้น รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและมีความห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งทุกหน่วยงานเข้าพื้นที่ประสบภัยให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างบูรณาการ ตั้งแต่การช่วยเหลือเยียวเบื้องต้นโดยการมอบถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยเครืองอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การสาธารณสุข เข้าไปให้ความช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยติดเตียง ตลอดจนผู้สูงอายุ รวมถึงหน่วยงานของการไฟฟ้าให้เข้าไปติดตามเรื่องความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าต่อบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงที่อาจจะเกิดอันตรายจากไฟฟ้าช๊อต ไฟฟ้าลัดวงจรต่างๆ รวมถึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน พื้นที่ประกอบอาชีพ รวมถึงความเสียหายอื่นๆ เพื่อเตรียมแผนฟื้นฟูให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตโดยเร็วที่สุด

“การลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี ในวันนี้ ถือเป็นภารกิจต่อเนื่องตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด มามอบเพื่อบรรเทาความเดือดให้กับประชาชน โดยแบ่งเป็นจังหวัดนนทบุรี จำนวน 1,000 ชุด และจังหวัดปทุมธานี จำนวน 1,000 ชุด  ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วนต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว

แจ้งคำสั่งและขอเชิญประชุมคณะกรรมการพิจารณารับบริจาคโปรแกรมบริหารข้อมูลแผนงานติดตามผลแบบ near real time (Project tracking Management)

เอกสารประกอบการประชุทครั้งที่  2

1.วาระการประชุม ครั้งที่ 2 คลิกที่นี่

2. ร่าง รายงานการประชุมคณะกรรมการฯ  ครั้งที่ 1 ( 29 ตุลาคม 2564 )  คลิกที่นี่

 

เอกสารประกอบหารประชุมครั้งที่ 1

1.คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณารับบริจาคโปรแกรมบริหารข้อมูลแผนงานและติดตามผลฯ  คลิกที่นี่

2. วาระการประชุม  คลิกที่นี่

3. เอกสารประกอบวาระ หนังสือ บ.Promt บริจาคระบบฯ   คลิกที่นี่

4. เอกสารเพิ่มเติม

4.1-เอกสารเพิ่มเติมใบเสนอราคา  คลิกที่นี่

4.2-เอกสารเพิ่มเติม Datalink software Certificate   คลิกที่นี่

ประชุมแนวทางการดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครั้งที่ 2/2564

  1. link เข้าร่วมประชุม คลิกที่นี่
  2. เอกสารการประชุมแนวทางการดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครั้งที่ 2/2564 คลิกที่นี่
  3. สรุปการประชุมแนวทางการดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครั้งที่ 1/2564 คลิกที่นี่
  4. ตัวอย่างการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย คลิกที่นี่
  5. ขั้นตอนและแบบฟอร์มการกรอกประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย คลิกที่นี่

ปลัดกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร

วันนี้ (13 ต.ค. 64) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาและยืนสงบนิ่งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นเวลา 89 วินาที เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 ณ บริเวณ lobby อาคารบี ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพร้อมมอบน้ำมัน 3,000 ลิตร สนับสนุนภารกิจกองทัพภาคที่ 1 ขุดลอกคูคลองเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ

“สุพัฒนพงษ์” นำทีมผู้บริหารกระทรวงฯและปตท. ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพร้อมมอบน้ำมัน 3,000 ลิตร สนับสนุนภารกิจกองทัพภาคที่ 1 ขุดลอกคูคลองเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ

วันนี้ (8 ต.ค.64 ) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ตรวจติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วม และความพร้อมของสถานีสูบน้ำนางหงส์ พร้อมมอบน้ำมันดีเซล 3,000 ลิตร สนับสนุนภารกิจกองทัพภาคที่ 1 ขุดลอกคูคลองเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ โดยมี นายกรุงศรีวิไล ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชารัฐจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และคณะฯ ให้การต้อนรับ ณ บริเวณสถานีสูบน้ำนางหงษ์ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ร่วมบูรณการการแก้ปัญหาและดำเนินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุ “เตี้ยนหมู่” ตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีความห่วงใยต่อประชาชนในทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยที่ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน รวมถึงให้มีการตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมในทุกพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัยจากมวลน้ำที่เกิดจากอิทธิพลของพายุดังกล่าว รวมถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมจากปริมาณน้ำฝนหรือน้ำหลากมาจากแหล่งน้ำต่างๆซึ่งจะทำให้ประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้น้อยที่สุด ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน รวมถึงหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยแล้วใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดนครปฐม พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนตลอดจนสิ่งที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือ เพื่อนำไปบูรณาการช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน และยังมีแผนลงพื้นที่ช่วยเหลืออุทกภัยในจังหวัดอื่นๆอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่แล้วยังเป็นการติดตามดูความพร้อมของคลองระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ รวมถึงประตูระบายน้ำ ในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วม เนื่องจากจังหวัดสมุทรปราการถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในเส้นทางการระบายน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งมีความเสี่ยงต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้มอบน้ำมันดีเซลจำนวน 3 พันลิตร จากความร่วมมือของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 1 ในการขุดลอกเส้นทางระบายน้ำ เช่น ขุดลอกดินตะกอน ตลอดจนการเก็บวัชพืช เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำให้กับประตูระบายน้ำปากตะคลอง ของจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อให้ปริมาณมวลน้ำในจังหวัดสมุทรปราการสามารถระบายน้ำได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้ให้กำลังใจและขอบคุณทางจังหวัด กองทัพภาคที่ 1 ส่วนราชการในพื้นที่ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้ร่วมมือกันบูรณาการเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน

ด้านนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้บูรณาการร่วมกับกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่1 ในการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งการขุดลอกคลองระบายน้ำ อาทิ บริเวณคลองสำโรง จากเดิมมีความลึก 1.5 เมตร เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เมตร รวมถึงการกำจัดวัชพืช เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางจังหวัดก็ขอขอบคุณกระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ได้เข้ามาสนับสนุนน้ำมันดีเซลจำนวน 3 พันลิตรในการดำเนินการของทางจังหวัด

กระทรวงพลังงาน ดีเดย์ “ดีเซลตุลา ราคาเดียว ช่วยประชาชน”

“พลังงาน” ดีเดย์ “ดีเซลตุลา ราคาเดียว ช่วยประชาชน” เริ่ม 11 ต.ค. นี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนช่วงราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น

กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน ประกาศปรับส่วนผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล B7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (B10) ทั้ง 2 ชนิดให้เหลือร้อยละ 6 และกำหนดให้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานชั่วคราว
พร้อมปรับลดให้เหลือราคาเดียวกัน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบประชาชน มีผลตั้งแต่วันที่ 11 – 31 ตุลาคม 2564 เน้นย้ำประชาชนสามารถเติมดีเซลได้ทุกหัวจ่ายตามที่เคยเติม และพร้อมจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หากยังมีการปรับตัวสูงขึ้นพร้อมเตรียมแผนรองรับทันที

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่ มติ กบง. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ได้ออกมาตรการชั่วคราวระยะสั้นปรับสัดส่วนผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล B7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (B10) ลดลงเหลือร้อยละ 6 และกำหนดให้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานชั่วคราว เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงอยู่ในระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยเบื้องต้นมาตรการดังกล่าว จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 – 31 ตุลาคม 2564 และประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซล สามารถใช้บริการได้ทั้งจากหัวจ่ายน้ำมันดีเซล B7 และหัวจ่ายของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (B10) ได้ตามปกติ และสามารถใช้ได้กับรถยนต์ดีเซลทุกรุ่นทุกยี่ห้อ

“ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัย
ทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของซีกโลกตะวันตก และผลกระทบต่อเนื่องจากพายุในสหรัฐอเมริกาที่ทำให้การผลิตน้ำมันต้องหยุดชะงัก รวมทั้งการจำกัดการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC ซึ่งทั้งหมดไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งผลให้ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมมาตรการระยะยาวรับมืออย่างทันท่วงทีต่อสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างอย่างดีที่สุด และขอเน้นย้ำเรื่องการเติมน้ำมันดีเซล ประชาชนสามารถใช้บริการที่ตู้หัวจ่ายได้ทั้งดีเซล B7 และดีเซลธรรมดา (B10) เพราะทางสถานีบริการจะปรับเป็นน้ำมันดีเซล มาตรฐานเดียวกันชั่วคราว และสามารถใช้ได้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทุกรุ่นทุกยี่ห้อ โดยจะเริ่มในวันที่ 11 – 31 ตุลาคม 2564 นี้ ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่กรมธุรกิจพลังงาน โทร 08 6609 8154” โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าว

โครงการภายใต้กรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

  1. เอกสารแนวทางการเสนอโครงการภายใต้กรอบแผนงานฯ  คลิกที่นี่
  2. รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำทีมผู้บริหารกระทรวงฯพร้อม กฟผ. ลงพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“สุพัฒนพงษ์” นำทีมผู้บริหารกระทรวงฯพร้อม กฟผ. ลุยต่อพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบอุทกภัยเบื้องต้น

วันนี้ (5 ต.ค.64 ) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 900 ชุด บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเบื้องต้น รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม จากอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” โดยมี นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส. จังหวัดนครปฐม เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และคณะฯ ให้การต้อนรับ ณ วัดสำโรง อำเภอเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมครั้งนี้ เป็นภารกิจต่อเนื่องในการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “เตี้ยนหมู่” เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการยังชีพ จำนวน 900 ชุด มามอบเพื่อบรรเทาความเดือดให้กับประชาชน 10 ตำบล ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี ได้แก่ ตำบลวัดสำโรง ลานตากฟ้า บางแก้วฟ้า สัมปทวน ดอนแฝก ห้วยพลู ไทยาวาส งิ้วราย วัดแค และวัดละมุด เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน รวมถึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน พื้นที่ประกอบอาชีพ รวมถึงความเสียหายอื่นๆ เพื่อเตรียมแผนฟื้นฟูให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตโดยเร็วที่สุด

“รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในขณะนี้ ซึ่งนายกได้สั่งการให้รัฐมนตรี ส.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานต่างๆ เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมกำชับให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง ทุกครัวเรือที่ได้รับความเดือดร้อนต้องได้รับความช่วยเหลือไม่ให้ตกหล่น และขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งในส่วนของกระทรวงพลังงานก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้ขับเคลื่อนความช่วยเหลือ โดยได้ร่วมกับ กฟผ. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดลพบุรีไปแล้วก่อนหน้านี้ และเร่งดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ อีกต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว

ด้านนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จังหวัดนครปฐมมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม จำนวน 27 ตำบล ของ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนครชัยศรี บางเลน และสามพราน มีประชาชนได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 3,025 ครัวเรือน สำหรับอำเภอนครชัยศรี ได้รับผลกระทบจำนวน 1,459 ครัวเรือน ใน 14 ตำบล ซึ่งภาพรวมขณะนี้ สถานการณ์น้ำของจังหวัดนครปฐมยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนผ่านจังหวัดนครปฐม ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัด อำเภอ ส่วนราชการในพื้นที่ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ได้เสริมแนวคันกั้นน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ที่สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน และคลองลัด จำนวน 6 จุด รวม 57 เครื่อง เพื่อเร่งผลักดันน้ำลงทะเล นอกจากนี้ ยังทำการสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียเรื่องความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตสีเขียว (Asia Green Growth Partnership Ministerial Meeting)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียเรื่องความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตสีเขียว (Asia Green Growth Partnership Ministerial Meeting)

วันนี้ ( 4 ต.ค. 64) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมด้วยปลัดกระทรวงพลังงาน (นายกุลิศ สมบัติศิริ) รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์) พร้อมคณะผู้แทนไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียเรื่องความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตสีเขียว (Asia Green Growth Partnership Ministerial Meeting) พร้อมกับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ
ในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ กว่า 20 ประเทศ พร้อมด้วยองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ IEA ERIA และ ASEAN Secretariat ผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นหรือ METI ภายใต้การประชุม Tokyo Beyond-Zero Week ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นเวทีหารือที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคพลังงานและการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน รวมถึงการหารือแนวทางการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และการเติบโตสีเขียว โดยคำนึงถึงบริบทและสถานการณ์ในมิติต่าง ๆ ของแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกันและมีลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละประเทศ ดังนั้นการผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของทวีปเอเชีย จึงควรสะท้อนลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (Realistic Energy Transition) ซึ่งญี่ปุ่นคาดหวังว่าแนวคิดข้อริเริ่มด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งเอเชีย (Asia Energy Transition Initiative: AETI) ของญี่ปุ่นจะสามารถนำมาสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานในภูมิภาคเอเชียอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

โอกาสนี้ รมว.พน. ได้ให้เกียรติกล่าวสุนทรพจน์ที่มีสาระสำคัญกล่าวถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยกระทรวงพลังงานได้นำเสนอเป้าหมายการจัดทำแผนพลังงานชาติ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคพลังงานของประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำด้วยพลังงานสะอาด และมุ่งเน้นการศึกษาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน รวมถึงนโยบาย 30@30 ในการเพิ่มสัดส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV) ที่จะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5- 2 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีส เพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ของไทยภายในปี 2065

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียเรื่องความเป็นหุ้นส่วน
เพื่อการเติบโตสีเขียว (Chair’s Summary of Asia Green Growth Partnership Ministerial Meeting) ที่แสดงเจตจำนงในการมุ่งไปสู่ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีและผู้แทนจากประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมฯ ในการตระหนักถึงความเร่งด่วนในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคตและเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ยุคของ
การเปลี่ยนผ่านพลังงานในเอเชียต่อไป

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงพลังงาน ประจำปี 2564

19 ปี วันสถาปนากระทรวงพลังงาน มอบเกียรติบัตรข้าราชการดีเด่น พร้อมสมทบทุนสภากาชาดไทย

วันนี้ (4 ต.ค. 64) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงพลังงาน ประจำปี 2564 โดยมีผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ กระทรวงพลังงานเข้าร่วมงาน

สำหรับกิจกรรมที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ พิธีสักการะพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงพลังงาน โดยประธานในพิธีได้นำจุดธูปเทียน ถวายพวงมาลัย และเครื่องสักการะพระพรหม ทั้ง 4 ทิศ

พร้อมกันนี้ ได้จัดพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ ให้กับข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2563 จำนวน 6 ราย จากสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน

ทั้งนี้ ในโอกาสวันสถาปนากระทรวงพลังงานยังได้รับมอบเงินจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อสมทบทุนสภากาชาดไทย จำนวน 50,000 บาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงความยินดีร่วมกันแล้ว ยังเป็นการสร้างกุศลร่วมกับสภากาชาดไทย อีกด้วย

Page 4 of 15
1 2 3 4 5 6 15